“ซูโดอีเฟดรีน” กับการดูแลรักษาหวัดด้วยตัวเอง
“ซูโดอีเฟดรีน” กับการดูแลรักษาหวัดด้วยตัวเอง
กำเนิดอะไรสังกัด “ซูโดอีเฟดรีน” คนเจ็บสามารถใช้ยาจำพวกใดแทนซูโดอีเฟดรีนได้ เมื่อกำเนิดอาการหวัดภูมิแพ้ แล้วก็หากมีลักษณะหวัดจากเชื้อไวรัส สามารถใช้ยาประเภทใด และก็/หรือการดูแลตัวเองจากอาการหวัดได้โดยไม่จำเป็นจะต้องใช้ยา ไปติดตามกัน
1.ซูโดอีเฟดรีนเป็นยาอะไร
- ยาซูโดอีเฟดรีนใช้ทุเลาอาการคัดจมูกที่เกิดขึ้นจากโรคภูมิแพ้ รวมทั้งใช้หวัด
- ยาประเภทนี้จำเป็นต้องกินตามหมอสั่งเพียงแค่นั้น
- ผลกระทบจากการใช้ยาซูโดอีเฟดรีนเป็นใจสั่น นอนไม่หลับ ตาลาย มึน อ้วก อ้วก ตื่นเต้น เร่าร้อนใจ รำคาญ ความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเลือดสูง
- ยาซูโดอีเฟดรีน มีคุณประโยชน์ทุเลาอาการคัดจมูกแค่นั้น เพราะเหตุว่าคนที่มีลักษณะอาการหวัดภูมิแพ้ชอบทำให้เยื่อบุจมูกบวมแดง ก็เลยนิยมรับประทานยาซูโดอีเฟดรีนสูตรผสมที่มียาต่อต้านฮิสตามีน
- ยานี้ตัวมันเองไม่ทำให้เสพติด แม้กระนั้นเป็นสารเริ่มต้นผลิตเป็นยาม้า (แอมเฟตามีน) ทำให้เสพติดได้
โดยเหตุนี้ จะต้องรู้เรื่อง “หวัดภูมิแพ้” และก็หวัดจากเชื้อไวรัส จะได้เลือกใช้ยาที่เหมาะสมกับอาการ
คนที่มีอาการป่วยด้วยหวัด ควรปฏิบัติตัว ดังต่อไปนี้
- พักมากมายๆห้ามทนทุกข์งานหนัก หรือบริหารร่างกายเยอะเกินไป
- ใส่เสื้อผ้าให้ร่างกายอบอุ่น อย่าถูกฝน หรือถูกอากาศเย็นจัด และก็อย่าอาบน้ำเย็น
- กินน้ำมากมายๆเพื่อช่วยลดไข้ รวมทั้งชดเชยน้ำที่เสียไปเพราะไข้สูง
- ควรจะรับประทานอาหารอ่อน น้ำข้าว น้ำหวาน น้ำส้ม น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มร้อนๆ
- ใช้ผ้าชุบน้ำ (ควรที่จะใช้น้ำอุ่น หรือน้ำก๊อกปกติ อย่าใช้น้ำเย็นจัด หรือน้ำแข็ง) เช็ดตัวเวลาเป็นไข้สูง
การใช้ยารักษาตามอาการ ดังต่อไปนี้
1.สำหรับคนแก่รวมทั้งเด็กโต (แก่กว่า 5 ขวบ)
- ถ้าหากจับไข้สูง ให้พาราเซตามอล (คนที่แก่น้อยกว่า 19 ปี ควรจะหลบหลีกการใช้แอสไพริน เพราะเหตุว่าบางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรย์ซินโดรม ซึ่งเกิดอันตรายรุนแรงได้) ควรจะให้ยาลดไข้เป็นบางโอกาสเฉพาะเวลาเป็นไข้สูง หากจับไข้ต่ำๆหรือไข้เพียงพอทนได้ ก็ไม่จำเป็นที่ต้องรับประทาน
- หากมีลักษณะน้ำมูกไหลมากมายจนถึงสร้างความหงุดหงิด ให้ยาแก้แพ้ ตัวอย่างเช่น คลอร์เฟนิรามีน ใน 2-3 วันแรก เมื่อดีขึ้นแล้วควรจะหยุดยา หรือในกรณีที่มีลักษณะไม่มากมาย ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ยานี้
- หากมีลักษณะอาการไอ จิบน้ำอุ่นมากมายๆหรือจิบน้ำผึ้งผสมมะนาว (น้ำผึ้ง 4 ส่วน น้ำมะนาว 1 ส่วน) ถ้าหากไอมากมายลักษณะไอแห้งๆไม่มีเสลด ให้ยายับยั้งการไอ
2.สำหรับเด็กตัวเล็กๆรวมทั้งเด็กอ่อน - หากจับไข้ให้พาราเซตามอลรูปแบบน้ำเชื่อม
- ถ้าเกิดมีน้ำมูกมากมาย ให้ใช้ลูกยางเบอร์ 2 ดูดน้ำมูกออกเสมอๆ(ถ้าหากน้ำมูกข้นเหนียว ควรจะใช้น้ำเกลือหยอดในจมูกก่อน) หรือใช้กระดาษทิชชูพันเป็นแท่งใส่เข้าไปเช็ดน้ำมูก (ถ้าหากน้ำมูกข้นเหนียว ควรจะชุบน้ำสุกหรือน้ำเกลือเพียงพอเปียกแฉะก่อน)
- หากมีลักษณะไอ ให้จิบน้ำอุ่นมากมายๆถ้าเกิดมีลักษณะอาการอ้วกเวลาไอ ไม่มีความจำเป็นต้องให้ยาแก้คลื่นไส้ ควรจะเสนอแนะให้ป้อนนมรวมทั้งของกินทีละเล็กทีละน้อย แต่ว่าบ่อยมากขึ้น โดยเฉพาะตอนจะเข้านอน
3.ยาปฏิชีวนะไม่มีความจำเป็นต้องให้
เนื่องจากว่าไม่เป็นผลต่อการฆ่าเชื้อหวัด ซึ่งเป็นเชื้อไวรัส (อาการที่พินิจได้เป็น มีน้ำมูกใสๆหรือสีขาว) เว้นเสียแต่ในรายที่สงสัยว่าจะมีลักษณะอาการติดเชื้อโรคแบคทีเรียตอกย้ำ ได้แก่ จับไข้ทุกเมื่อเชื่อวันต่อเนื่องกันเกิน 4 วัน มีน้ำมูก หรือเสลดข้นเหลืองหรือเขียวเกิน 1 วัน หรือปวดหู หูอื้อ
4.หากไอมีเสลดเหนียว
ให้งดเว้นยาแก้แพ้ รวมทั้งยาหยุดการไอ แล้วก็ให้กินน้ำอุ่นมากมายๆวันละ 10-15 แก้ว
5.ถ้าหากมีลักษณะหอบ หรือนับการหายใจได้เร็วกว่าธรรมดา
เด็กอายุ 0-2 เดือนหายใจมากยิ่งกว่า 60 ครั้ง/นาที อายุ 2เดือนถึง 1 ขวบ หายใจมากยิ่งกว่า 50 ครั้ง/นาที อายุ 1-5 ขวบหายใจมากยิ่งกว่า 40 ครั้ง/นาที หรือจับไข้นานเกิน 7 วัน ควรจะส่งโรงหมออย่างเร็ว บางทีอาจเป็นปอดอักเสบหรือสภาวะร้ายแรงอื่นๆได้ บางทีอาจจำเป็นต้องเอกซเรย์ ตรวจเลือด ตรวจเสลด ฯลฯ
“ซูโดเอฟีดรีน” ไม่ใช่ยาแก้หวัดจากการได้รับเชื้อเชื้อไวรัส การดูแลแล้วก็ปกป้องตนเอง เป็นการดูแลและรักษา “หวัด” เยี่ยมที่สุด